Dark Side x
MARKREN
สายตาคมมองร่างเล็กที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านักกีฬาเงียบๆ
ร่างเล็กๆ ของเหรินจวิ้นทำการเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวเองแบบไม่คิดอะไร
เพราะที่นี่ก็มีแต่ผู้ชาย แถมยังมีแค่รุ่นพี่ที่อยู่ในห้องนี้อีก
ไม่เห็นจะมีอะไรต้องกังวลเลยสักนิด
แต่เหมือนว่าอีกฝ่ายที่อยู่ด้านหลังจะไม่ได้คิดแบบนั้น
เหรินจวิ้นถอดเสื้อนักเรียนตัวเองออก เหลือไว้เพียงเสื้อกล้ามสีขาวขนาดพอดีตัว
เผยให้เห็นแผ่นหลังบางกับผิวขาวเนียนเหมือนหิมะ
ก่อนที่รุ่นพี่ของเขาจะได้จินตนาการอะไรไปไกลมากกว่านี้
เขาก็หยิบเอาเสื้อยืดธรรมดามาสวมทับเสียก่อน
“พี่มาร์ค วันนี้วิ่งกี่เมตรเหรอครับ” เหรินจวิ้นถาม มาร์คยังไม่หยุดมองร่างเล็กที่กำลังถอดเข็มขัดตัวเองออกเพื่อจะเปลี่ยนเป็นกางเกงกีฬาขาสั้น
“เมื่อวานวิ่งไปพันเมตร วันนี้วิ่งสักพันห้าแล้วกัน” อีกฝ่ายตอบ เรียกเสียงถอนหายใจพร้อมกับเสียงบ่นงอแงของอีกฝ่าย
แต่นั่นไม่ได้ทำลายบรรยากาศให้แย่ลงแต่อย่างใดในเมื่อเหรินจวิ้นยังคงง่วนกับการเปลี่ยนเสื้อผ้า
กางเกงนักเรียนหลุดลงมาทันทีที่เสียงรูดซิปดังขึ้น
เผยให้เห็นกางเกงในสีขาวกับต้นขาเล็กที่มองยังไงก็เหมือนผู้หญิงของอีกฝ่ายให้มาร์คเชยชม
มาร์คอยากจะผิวปากแซวไอ้เด็กตรงหน้านี่ใจจะขาด
แต่ทว่ากลับทำไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายดูจะขี้อายเสียขนาดนั้น สิ่งที่เขาทำได้คงมีแค่การแอบมองอีกฝ่ายเปลี่ยนเสื้อผ้าเงียบๆ
แบบนี้
ป่านนี้ยังจะมีใครใส่กางเกงในแบบนั้นอยู่อีกหรือไงนะ?
มาร์คคิดอย่างนึกขำ นั่นมันกางเกงในแบบเด็กประถมชัดๆ
แล้วอีกฝ่ายก็ไม่คิดจะใส่บ็อกเซอร์ทับหลังจากใส่กางเกงในหรือไงกัน ยิ่งตัวเล็กๆ
แบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่น ป่านนี้คงโดนจับเหวี่ยงกับล็อคเกอร์แล้วไปเยี่ยมสวรรค์กันไปนานแล้ว
ถึงจะไม่ใช่ผู้หญิง แต่ในสายตาเขาตอนนี้เหรินจวิ้นมันเข้าข่ายน่าโดนจริงๆ นี่นา
ไม่ดูแลตัวเองเลยน้า เหรินจวิ้น
“ลดให้หน่อยไม่ได้เหรอครับ”
เหรินจวิ้นว่าพลางก้มตัวใส่กางเกง มาร์คพอจะเดาขนาดลูกพีชตรงหน้าได้
มันคงพอดีมือเขาแน่ๆ “ผมปวดขาจะแย่อยู่แล้ว”
“ถ้าพี่ลดให้ จากที่เราปวดขา
เราอาจจะเหนื่อยทั้งตัวก็ได้นะ” ร่างสูงตอบ เหรินจวิ้นหันมามองเขางงๆ
อะไรกัน ซื่อจริงๆ เลยเด็กคนนี้
“ว่าไง จะเอาแบบไหน”
“เหนื่อยทั้งตัวคือยังไงเหรอครับ”
เหรินจวิ้นถามตาใส มาร์คมองคนตัวเล็กที่อยู่ในชุดลำลองเรียบร้อยแล้วในตอนนี้ก็แทบจะอยากเป็นตัวร้ายผลักน้องมันให้หลังกระแทกล็อคเกอร์แล้วจัดการอะไรต่ออะไรให้มันเรียบร้อยตามที่จินตนาการสั่งมา
แต่ก็ทำไม่ได้อยู่ดี
ท่องไว้ นั่นมันรุ่นน้อง
ผมจะมีอะไรกับใครก็ได้แบบนี้ไม่ได้ อีกอย่าง
ผมก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนที่ทำอะไรต่ออะไรตามใจได้ซะเมื่อไหร่
การกระทำของผมทุกอย่างมันตกอยู่ในสัญญาที่เซ็นไว้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ที่จะแลกมากับชื่อเสียงและอนาคตของผม
ถ้าเกิดเรื่องที่ผมกำลังคิดมันเกิดขึ้นจริงและโดนแพร่งพรายออกไปให้คนนอกรู้
มันคงจะไม่ดีเท่าไหร่แน่ๆ
แต่ว่า...ถ้าคนอื่นไม่รู้
ก็ไม่เป็นไรน่ะสิ?
“...แน่ใจเหรอว่าอยากรู้” มาร์คลองถามหยั่งเชิง
น้องมันมองมาที่ผมแบบไม่แน่ใจแล้วก็ส่ายหน้า กลายเป็นว่าไม่อยากรู้ซะอย่างนั้น
“จะแกล้งอะไรผมอีกแล้วใช่ไหมล่ะ” เหรินจวิ้นถามขณะที่มาร์คเดินเข้าไปใกล้ๆ
มือเรียวจับเสื้อยืดตัวใหญ่ที่ร่างบางสวมขึ้นมาราวกับจะพิจารณาเนื้อผ้า “อยู่ในห้องผมก็โดนคนอื่นแกล้งพออยู่แล้ว อยู่ที่นี่ยังจะ..อ๊ะ ทำอะไรอะ”
เหรินจวิ้นโวยวายเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆ
ที่สัมผัสอยู่ตรงต้นคอจนเจ้าตัวต้องหดคอเพราะความจั๊กจี้ มือเล็กผลักหัวรุ่นพี่ตัวโตที่อยู่ด้านหลังออกก่อนจะหัวเราะคิกคัก
“ฮ่าๆ
ผมบ้าจี้นะพี่มาร์ค อย่าเล่นแบบนี้สิ”
“ก็เป็นแบบนี้ไงถึงได้น่าแกล้ง”
มาร์คตอบอย่างหมั่นเขี้ยวพลางดึงคอเสื้อยืดที่เจ้าตัวเล็กใส่อยู่หมายจะเข้าไปแกล้งให้เจ้าตัวจั๊กจี้อีก
ถ้าโบนัสนั่นคือการได้สัมผัสผิวขาวเนียนนั่นแล้วแลกกับการที่จะต้องโดนด่า
มาร์คลีก็ยอมล่ะนะ
เหรินจวิ้นถูกดันให้ไปติดกับล็อคเกอร์ก่อนจะหดคอหนีเมื่อมาร์คโน้มหน้าเข้ามาใกล้ๆ
แค่หายใจรดผิวหนังขาวเนียนนั่นเหรินจวิ้นก็หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังไปแล้ว
แต่เสียงหัวเราะก็เปลี่ยนไปเป็นเสียงที่แสดงความตกใจเมื่อเขี้ยวคมๆ
ของอีกฝ่ายงับลงมาบนต้นคอของเขา
“โอ๊ย! เจ็บ” เหรินจวิ้นร้องพลางดึงเสื้อมาร์คลีหวังให้เจ้าตัวเลิกแกล้งเขาสักที
แค่จะจั๊กจี้ไม่จำเป็นต้องทำแรงขนาดนี้ก็ได้นี่นา นี่มันจะเกินไปแล้วนะ “พี่มาร์ค! ผมเจ็บ! เหรินจวิ้นเจ็บ!! ไม่เอา....”
“….” มาร์คยังคงไม่สนใจ ร่างสูงใช้ปลายลิ้นกวาดสัมผัสผิวเนียนจนพอใจแล้วกัดลงไปอีกครั้งหวังให้เป็นตราประทับที่จะติดตัวร่างเล็กนี้ไปสักสองสามวัน
แล้วก็จริงอย่างที่เขาคิด เหรินจวิ้นน่ะ ผิวเนียนจริงๆ ด้วย
พอรู้สึกได้ถึงแรงกระชากเสื้อที่เปลี่ยนมาเป็นทุบหลังก็ทำให้มาร์คลีละริมฝีปากออกจากซอกคอขาว
สายตาคมที่เงยขึ้นมาก็สบตาเข้ากับเหรินจวิ้นที่ดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตา
ริมฝีปากคู่เล็กแปรเปลี่ยนเป็นรูปสะพานโค้งก่อนจะเอามือมาดึงคอเสื้อตัวเองเพื่อปิดบังรอยตรงซอกคอนั่น
“มันเจ็บนะ”
เหรินจวิ้นบอกแค่นั้นก่อนจะพยายามก้มลงมองซอกคอตัวเอง แต่ก็ไม่เห็นอยู่ดี
เขาเงยหน้าขึ้นมามองรุ่นพี่ตัวโตข้างหน้าอย่างตัดพ้อ “มันต้องเป็นรอยแน่ๆ
พี่มาร์คทำแบบนี้ทำไม”
“ก็เห็นว่าอยากรู้ว่าเจ็บทั้งตัวมันจะเป็นยังไงนี่” เขาตอบหน้าตาย ก่อนที่เหรินจวิ้นจะได้โวยวายอะไรมากไปกว่านั้น
ร่างสูงก็นั่งลงบนเก้าอี้ยาวที่กั้นระหว่างล็อคเกอร์สองฝั่งเอาไว้ก่อนจะจับข้อบือบางเอาไว้หลวมๆ
ร่างเล็กมองคนตัวโตกว่างงๆ
แต่ก็ไม่กล้าสะบัดข้อมือออกเพราะกลัวจะโดนแกล้งให้เจ็บไปมากกว่านี้
“..เอ่อ ทำไมหน้าแดงอะ”
เหรินจวิ้นถามทั้งที่มืออีกข้างก็ยังกำคอเสื้อตัวเองเอาไว้อยู่ มาร์คเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าตัวเองหน้าแดงถ้าเหรินจวิ้นไม่ทัก
“พ..พี่จะไม่ไปซ้อมวิ่งเหรอ”
“วันนี้ไม่ซ้อมก็ได้ถ้าเราไม่อยากวิ่ง” มาร์คตอบง่ายๆ เหรินจวิ้นเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจแต่ก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจตามประสาคนที่ไม่คิดอะไรมาก
พูดง่ายๆ ก็คือ เชื่อคนง่าย นั่นแหละ
“จริงเหรอครับ”
“อืม แต่มีข้อแลกเปลี่ยน”
มาร์คบอก รู้สึกว่าเสียงตัวเองเริ่มแหบพร่าเข้าไปทุกที เหรินจวิ้นมองงงๆ ก่อนที่เขาจะออกแรงดึงข้อมือเล็กเบาๆ
“มานั่งนี่สิ”
เหรินจวิ้นทำตามอย่างว่าง่าย เขานั่งข้างๆ
มาร์คตามที่โดนสั่งก่อนเจ้าตัวจะส่ายหน้า
“ไม่ใช่ หมายถึงว่า มานั่งตรงนี้”
มาร์คชี้ที่ตักตัวเอง เหรินจวิ้นกลืนน้ำลายลงคอ มองมาร์คอย่างไม่ไว้วางใจ
แต่ก็ยอมไปนั่งบนตักคนตัวโตกว่าอยู่ดี
“หันหน้ามานี่สิ”
เสียงทุ้มดังขึ้นบริเวณหลังหูคนตัวเล้ก เหรินจวิ้นหดคออีกครั้งด้วยความจั๊กจี้
แต่ก็ยอมลุกขึ้นใหม่แล้วหันไปนั่งคร่อมคนตัวโตแต่โดยดี
มาร์คมองคนตัวเล็กตรงหน้าแล้วไม่พูดอะไร
มือหนารั้งเอวบางเข้ามาใกล้ๆ ก่อนที่เหรินจวิ้นจะสะดุ้งเข้ากับอะไรบางอย่าง
เขาก้มลงมองมันสลับกับใบหน้าที่หล่อเหลาเหมือนรูปปั้นที่พระเจ้าสรรสร้างตรงหน้า
มือเล็กจับไหล่กว้างก่อนจะเตรียมก้าวลงจากตักพี่มาร์ค
แต่ก็ไม่วายโดนแขนแกร่งโอบรอบลำตัวเอาไว้ก่อน
“พี่...ไม่เอาแล้วนะ”
เหรินจวิ้นส่ายหน้า หน้าแดงเพราะความเขินอาย ต่างจากมาร์คที่หน้าแดงเพราะฮอร์โมนที่พุ่งพล่านภายในตัวเอง
“ไปห้องน้ำสิ จะมาให้ผมนั่งตักทำไมล่ะเนี่ย”
“ช่วยพี่หน่อยสิ” มาร์คยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ
เหรินจวิ้นพยายามเอนตัวไปด้านหลังแต่ก็หลบไปได้ไม่มากเพราะโดนคนตัวโตโอบเอวเอาไว้
มาร์คเกยคางวางไว้บนไหล่เล็กก่อนจะเป็นฝ่ายกระเถิบตัวเข้าคนตัวเล้กที่นั่งคร่อมด้านบนให้ได้ตำแหน่งที่พอใจ
เหรินจวิ้นกำไหล่หนาอีกคนเอาไว้แน่น เหงื่อเริ่มผุดออกมาเป็นเม็ดๆ
เพราะความกลัวและความตื่นเต้นผสมกัน
“นะ?” มาร์คว่า
แต่ไม่ได้ต้องการคำตอบ
เขาโอบเอวเหรินจวิ้นเอาไว้ด้วยมือข้างเดียวก่อนจะใช้อีกข้างถลกขอบกางเกงตัวเองออก
เหรินจวิ้นเอามือปิดหน้าเมื่อเห็นความอึดอัดของพี่มาร์คที่ฉายอยู่ตรงหน้า
ร่างสูงดึงมือเหรินจวิ้นออกมาหนึ่งข้างก่อนที่เจ้าตัวเล้กจะสะดุ้งโหยงมือฝ่ามือตัวเองกำลังสัมผัสกับความร้อนด้านล่าง
“ฮึก...มะ..”
“ไม่ใส่เข้าไปหรอก...นะ?”
มาร์คว่าพลางพยายามดึงปราการชิ้นสุดท้ายของตัวเองออก เหรินจวิ้นมองมือตัวเองที่ถูกบังคับให้ขยับไปตามความต้องการของอีกฝ่ายโดยมือหนา
มาร์คละมือออกจากเอวบางก่อนจะถลกเสื้อคนตรงหน้าขึ้น เผยให้เห็นหน้าอกเล็กๆ เขาไม่รีรอถามความเห็นของอีกฝ่ายพลางมุดหน้าเข้าไปในเสื้ออีกคน
ลิ้นร้อนตวัดไปมาบนยอดอกเล็กราวกับขนมหวานที่เขาโหยหามานาน
เหรินจวิ้นเผลอร้องออกมาด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่ได้รับ
ริมฝีปากร้อนละจะอีกข้างไปอีกข้าง ฟันคมกัดลงบนยอดอกเล็กอย่างหยอกล้อเมื่อยอดอกอีกฝ่ายแข็งขืนขึ้นมาจากการเล้าโลมของเขา
“อือ..อือ..ฮึก...อ๊ะๆ”
เหรินจวิ้นครางออกมา มาร์คผละออกจากหน้าอกคนตัวเล็กก่อนจะเข้าสำรวจดพรงปากเล็กที่อ้าปากครางเป็นระยะ
จูบได้ไม่นานก็จำต้องผละออกเพราะความไม่เคยชินของอีกฝ่าย
“อืมม...เร็วอีกนิดครับคนดี”
มาร์คกระซิบข้างหูอีกฝ่ายก่อนจะไล้มือไปจับบริเวณแก่นกายเล็กที่พองออกมาเหมือนกัน
มาร์คลีเลียริมฝีปากพลางมองใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อของคนตรงหน้าด้วยความพอใจ
เหรินจวิ้นสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ยอมเร่งความเร็วที่มือให้เร็วขึ้น สองมือเล้กที่ตอนนี้ไร้การควบคุมจากมือใหญ่พยายามพารุ่นพี่ตรงหน้าให้ไปถึงสวรรค์ด้วยหวังว่าจะได้จบไปสักที
แล้วก็หวังว่าเขาจะได้ไปถึงสวรรค์บ้าง
“ซี้ดด....อืมม เหรินจวิ้น.....เหรินจวิ้น” มาร์คครางกระเส่า เหรินจวิ้นหน้าแดงเมื่อได้ยินชื่อตัวเองออกจากปากอีกฝ่ายขณะที่กำลังทำเรื่องอย่างว่า
สองมือพยายามเร่งความเร็วให้ไวขึ้นอีกจนรู้สึกว่าแท่งเอ็นร้อนๆ กำลังกระตุก
“..อ่า....”
“อื้ออ” เหรินจวิ้นร้องเมื่อคราบน้ำสีขาวร้อนๆ
กระจายทั่วมือ เขาละมือออกจากท่อนนั้นพลางรู้วึกว่ามือกำลังจะไหม้เพราะความร้อนที่สัมผัสมาตลอด
ร่างเล็กมองรุ่นพี่ตรงหน้าที่ไหล่สั่นเพราะเพิ่งปลดปล่อยออกมา เม็ดเหงื่อที่ผุดออกมาตามใบหน้าบวกกับรอยยิ้มแบบแปลกๆ
ทำให้เหรินจวิ้นไม่กล้าลุกออกจากตักคนตัวโต
เจ้าตัวเล็กสะดุ้งโหยงอีกครั้งเมื่อมือหนาแกล้งจะดึงปราการชิ้นสุดตัวเองออก
เหรินจวิ้นมองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาคมที่ตอนนี้มองมาที่เขาเยิ้มๆ บวกกับริมฝีปากที่ยกยิ้มแบบนั้น...นี่มันไม่ใช่พี่มาร์คแล้ว นี่มันหมาป่าชัดๆ
“ขอบคุณครับ”
พี่มาร์คบอกเสียงทุ้มก่อนจะส่งยิ้มหวานให้คนบนตัก
เหรินจวิ้นกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบากอีกครั้งเมื่อคนตัวโตกว่าโน้มหน้าเข้ามาใกล้
“ให้พี่ตอบแทนเรา...นะครับ?”
++++++++++++++++++++++++++
กลับไปอ่านต่อ + เม้นให้เค้าได้นะ >_< จิ้มๆ